top of page
Writer's picturepersonaaesthetic

ฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์คืออะไร? ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์?

Updated: Nov 9, 2021


การฉีดฟิลเลอร์คืออะไร

ฟิลเลอร์ คือสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของสารไฮยาลูรอน โดยสารชนิดนี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าฟู อิ่มขึ้น รวมถึงทำให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากขึ้นด้วย ซึ่งปกติผิวของเราจะมีการสร้างสารไฮยาลูโรนิก แอซิดอยู่แล้ว เพียงเเต่ฟิลเลอร์ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสารไฮยาลูโรนิก แอซิดที่เรามีในร่างกาย ทำให้ผิวของเราฟู อิ่ม และชุ่มชื่นได้อย่างรวดเร็ว และเป็นการชะลอวัยได้เป็นอย่างดี


ประเภทและการทำงานของการฉีดฟิลเลอร์

ชนิดของฟิลเลอร์มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ ระดับชั่วคราว เช่น สารไฮยารูโรนิกแอซิดที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าบริเวณที่ต้องการแก้ไขแล้วจะคงอยู่ได้ประมาณ 8– 12 เดือน จัดว่ามีความปลอดภัยสูงและสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ฟิลเลอร์อีกชนิดคือระดับถาวร เช่น เม็ดพลาสติก ซิลิโคน หรือน้ำมันพาราฟิน ซึ่งจะให้ผลลัพธ์แบบถาวรที่ไม่สามารถสลายออกเองได้ และระบุผลข้างเคียงในระยะยาวไม่ได้ อีกทั้งไม่แนะนำให้ฉีดชนิดนี้ด้วยเช่นกันการฉีดฟิลเลอร์จะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ต้องการแก้ไขแล้วจะเห็นผลทันที และจะยิ่งเห็นผลชัดที่สุดในวันที่ 5 และอยู่ได้นาน 12-24 เดือน โดยขึ้นอยู่กับโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้


การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับใคร

การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยหรือร่องลึกรอบดวงตา บริเวณมุมปาก ขมับ แก้มตอบ เติมคาง เติมริมฝีปาก และช่วยปรับแต่งรูปหน้าหรือรูปร่างให้ได้ส่วนสัดที่ดี รวมทั้งลำคอ หลังมือและบริเวณอกได้


ฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขบริเวณไหนได้บ้าง

1. ฟิลเลอร์ใต้ตา ใต้ตาเป็นบริเวณที่มีคนไข้เข้ามาฉีดมากที่สุด ในคนที่ใต้ตาคล้ำ ลึก หรือ ริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา การใช้ฟิลเลอร์ในการรักษาจะเห็นผลชัดเจนที่สุด เพราะใต้ตาจะฟูขึ้นเต็ม เม็ดสีบริเวณผิวหนังใต้ตาที่ดูคล้ำจะดูสว่างใสขึ้น ริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ จะลดลง ทำให้ดูอ่อนวัย ดูสดใส โดยฟิลเลอร์ที่เราจะเลือกฉีดบริเวณใต้ตาจะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อบางเบา สามารถเก็บรายละเอียดตื้นๆได้ เพื่อลดปัญหาการเกิดก้อนฟิลเลอร์หลังฉีด ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้จะอยู่ที่ประมาณ 1-2 cc ขึ้นอยู่กับปัญหาและความลึกของคนไข้แต่ละคน และจะอยู่ได้นานประมาณ 8 เดือน ถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้


2. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่องแก้มเป็นบริเวณที่หลายๆคนกังวล เพราะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย การเติมเต็มร่องแก้มด้วยฟิลเลอร์จะทำให้ร่องแก้มดูตื่นขึ้น ก่อนที่เราจะเติมร่องแก้ม คุณหมอต้องประเมินก่อนว่าปัญหาร่องแก้มลึกเกิดได้จากอะไรบ้าง เพราะบางคนเกิดจากไขมันบริเวณหน้าแก้มลดลง หรือกระดูกหน้าแก้มยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น ดังนั้นการแก้ไขปัญหาร่องแก้มในกรณีนี้จึงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุก่อน นั่นก็คือการเติมฟิลเลอร์ที่บริเวณหน้าแก้ม ทำให้ผิวหน้ายกตัวขึ้น ร่องแก้มจะดูตื้นขึ้น แล้วเราจึงจะใช้ฟิลเลอร์ที่เหลือมาเก็บรายละเอียดที่ร่องแก้มอีกที วิธีนี้จะช่วยให้คนไข้ประหยัดจำนวนซีซีในการฉีดฟิลเลอร์ได้ สำหรับการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม ส่วนใหญ่จะใช้ประมาณ 1-2 cc ต่อข้าง และอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้


3. ฟิลเลอร์แก้มตอบ แก้มตอบเป็นปัญหาที่พบบ่อยเช่นกัน ในคนที่ผอม ไม่มีไขมันที่หน้า หรือในคนที่กระดูกโหนกแก้มชัดจะรู้สึกว่าแก้มตอบได้ การแก้ไขที่ดีที่สุด คือการเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ โดยส่วนใหญ่จะใช้ข้างละ 1-2 cc ขึ้้นอยู่กับความตอบของแก้มในคนไข้แต่ละคน ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้จะเป็นชนิดที่มีโมเลกุลใหญ่ เนื่องจากบริเวณแก้มตอบเราต้องการให้แก้มฟูขึ้นมากๆ หลังจากเติมเเล้วคนไข้จะรู้สึกว่าผิวหน้าดูฟูมากขึ้น ที่สำคัญในคนที่โหนกแก้มชัดจะรู้สึกว่าโหนกแก้มลดลง อีกทั้งยังช่วยยกกระชับให้ใบหน้าดูเรียวมากขึ้นด้วย


4. ฟิลเลอร์ขมับ ขมับที่ลึกเว้า จะทำให้ใบหน้าดูไม่ละมุน ดูมีอายุ และทำให้โหนกแก้มดูชัด การเติมเต็มฟิลเลอร์ขมับจึงเป็นวิธีการที่สำคัญที่ช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วนและดูโหนกแก้มลดลงได้ ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ในการเติมบริเวณขมับจะเป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ เพราะเราต้องการให้ผิวฟูมากที่สุด โดยจะใช้ฟิลเลอร์อยู่ที่ข้างละประมาณ 1 cc ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1.5-2 ปี ขึ้นกับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เราเลือกใช้ หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ จำทำให้ใบหน้าละมุนขึ้น บางคนอาจจะรู้สึกถึงใบหน้ายกกระชับและหน้าเรียวมากขึ้น สำหรับผลข้างเคียงคนไข้อาจจะรู้สึกปวดศีรษะได้เล็กน้อยหรือปวดเมื่อยบริเวณขากรรไกรได้ แต่พบได้ในบางเคสเท่านั้น


5. ฟิลเลอร์หน้าผาก หน้าผากเป็นบริเวณที่ใช้ฟิลเลอร์ในการฉีดมากที่สุด เพราะเป็นบริเวณกว้าง คนไข้ที่ต้องการให้หน้าฝากโหนกนูน สามารถใช้ฟิลเลอร์ช่วยได้ โดยหมอจะแนะนำใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 3-5 cc ขึ้นกับความลึกของแต่ละเคส และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อบางเบาเนื่องจากบริเวณหน้าผากต้องการความเรียบเนียนไม่ให้เป็นก้อน การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นบริเวณที่น่าท้าทาย ก่อนฉีดต้องเลือกเเพทย์ที่มีความชำนาญ และเลือกชนิดของฟิลเลอร์ให้ถูกต้อง เพราะบางเคสอาจจะเจอปัญหาฟิลเลอร์ไหล หรือเป็นคลื่นนูนไม่เสมอกันได้


6. ฟิลเลอร์คาง คนไข้ที่มีปัญหาคางตัดหรือคางสั้น การเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวและยาวมากขึ้น ฟิลเลอร์ที่ใช้จะเป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลใหญ่ ที่ทำให้ผิวฟูได้มาก เนื่องจากเราต้องการให้คางดูยาวและขึ้นรูป ในแต่ละเคสจะใช้จำนวนฟิลเลอร์ประมาณ 1 cc คางที่สวยต้องไม่เเหลม หรือใหญ่จนเกินไป ต้องรับกับใบหน้า หลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่คางแล้วจะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นกับโมเลกุลหรือยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้


7. ฟิลเลอร์ริมฝีปาก ปัจจุบันคนไข้หลายๆท่านมีความสนใจในการฉีดฟิลเลอร์มปากมากขึ้น ฟิลเลอร์ปากจะช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากที่ดูบาง ไม่เป็นรูปทรง โดยฟิลเลอร์สามารถที่จะปั้นรูปปากให้เป็นทรงสวยได้ตามที่คนไข้ต้องการ การเลือกใช้ฟิลเลอร์ฉีดที่บริเวณปาก เราจะใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลที่ไม่เบา หรือใหญ่จนเกินไป เพราะเราไม่ต้องการให้ฟิลเลอร์หายเร็วหรือเป็นก้อนบวมจนดูไม่เป็นธรรมชาติ ควรเลือกเเพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ปาก และเลือกชนิดของฟิลเลอร์ให้ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้


8. ฟิลเลอร์ยกกระชับใบหน้า หลายๆท่านอาจยังไม่ทราบว่า ฟิลเลอร์สามารถนำมาฉีดเพื่อยกกระชับใบหน้าได้ จุดที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับบนใบหน้า ได้แก่ บริเวณแก้มส้ม หรือทางการแพทย์เรียกว่า midcheek บริเวณขมับ และบริเวณแก้มตอบ ในคนไข้ที่มีปัญหาขมับเว้าลึก หรือแก้มตอบ หลังจากฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณดังกล่าวจะทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้นได้เช่นกัน



ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม

หลายๆคนอยากฉีดฟิลเลอร์แต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะมีอาการเจ็บ แต่รู้หรือไม่ว่าฟิลเลอร์ในปัจจุบันมียาชาผสมในตัว ทำให้ขณะฉีดจะไม่รู้สึกเจ็บ คนไข้จะรู้สึกบายๆ ขณะที่หมอทำหัตถการ ดังนั้นถ้าใครกลัวความเจ็บ สามารถทำฟิลเลอร์ได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ


ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานเท่าไหร่

ระยะเวลาในการอยู่ของฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับชนิดของโมเลกุลฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ และยี่ห้อของฟิลเลอร์ เพราะแต่ละชนิดหรือยี่ห้อของฟิลเลอร์จะมีโมเลกุลส่วนประกอบ hyaluronic acid ที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากเราเลือกชนิดของฟิลเลอร์ได้ถูกต้องตามจุดที่ฉีด จะทำให้ฟิลเลอร์ของเราอยู่ได้นานมากขึ้นและไม่ต้องใช้จำนวนฟิลเลอร์หลายหลอด ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการฉีดบริเวณขมับ ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มาก ถ้าเราเลือกฟิลเลอร์ที่เป็นโมเลุกุลใหญ่และยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มี hyaluronic acid สูงๆ ก็จะทำให้การฉีดฟิลเลอร์ในครั้งนั้นอยู่ได้นานและใช้จำนวนฟิลเลอร์น้อยลงกว่าการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลบางเบา เพราะนอกจากฟูน้อยเเล้ว เราต้องใช้จำนวนฟิลเลอร์หลายหลอดด้วย


ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์จะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ ใช้เวลาน้อย สามารถยกกระชับหรือปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้รูป หรือเติมจุดที่ดูสูงวัยและดูหย่อนคล้อยตามจุดต่างๆ ทั้งใบหน้าและรูปร่างให้ดูอ่อนเยาว์ได้ตามต้องการ รวมทั้งช่วยเสริมโหงวเฮ้งตามความเชื่อได้อีกด้วย


ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์

หากฉีดในปริมาณมากๆ อย่างเช่นบริเวณสะโพกหรือหน้าอก พอนานวันเข้าก็อาจส่งผลให้ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนได้ บางรายอาจมีอาการบวมแดงในบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปได้เองภายใน 2 วัน


ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม

หลายๆท่านยังกังวลและกลัวการฉีดฟิลเลอร์ หมอขออธิบายแบบนี้ว่า ฟิลเลอร์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือทำให้เรามีผิวหน้าที่อิ่มฟู ริ้วรอยลดลงดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่ฟิลเลอร์ก็ยังเป็นสิ่งที่คุณหมอหลายๆท่านต้องฝึกฝนฝีมือกันอย่างสม่ำเสมอ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ ถ้าเราฉีดผิดชั้นก็็จะทำให้เกิดก้อน ผิวไม่เรียบเนียน หากฉีดเข้าไปในเส้นเลือด ก็จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นขาดเลือด ซึ่งแพทย์ที่ฉีดจะต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการของคนไข้ขณะทำหัตถการอย่างสม่ำเสมอ ถ้าฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดต้องรีบให้การรักษาอย่างทันที โดยตำแหน่งในการฉีดฟิลเลอร์ที่อันตรายที่สุดเรียงตามลำดับ มากไปน้อย คือ บริเวณหน้าผาก บริเวณจมูก บริเวณร่องแก้ม และบริเวณใต้ตา ดังนั้นแพทย์ที่ฉีดต้องมีความชำนาญ มีประสบการณ์ และหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึ่งประสงค์ได้ ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ มีสติ ไม่เร่งรีบในการฉีด และเลือกใช้เข็มที่มีปลายทู่ในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดการเกิดการอุดตันเข้าไปในเส้นเลือด


สรุป

ฟิลเลอร์คือสารไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือ HA ที่เป็นสารช่วยเติมเต็มให้กับใบหน้า เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องลึกบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ใต้ตาลึก คล้ำ ขมับตอบ หน้าผากยุบ แก้มตอบ มีร่องแก้ม คางตัด โดยฟิลเลอร์จะเเก้ปัญหาดังกล่าวนี้ได้และทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่นขึ้นด้วย การฉีดฟิลเลอร์ควรเลือกชนิดของฟิลเลอร์และโมเลกุลให้เหมาะสมกับตำเเหน่งที่ต้องการฉีดเพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานและใช้จำนวณฟิลเลอร์อย่างเหมาะสมในการฉีดบริเวณนั้น ฟิลเลอร์ในปัจจุบันมียาชาในตัว ดังนั้นขณะทำหัตถการจะไม่รู้สึกเจ็บ สุดท้ายนี้การฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยต้องเลือกฉีดกับคุณหมอที่มีความชำนาญ มีประสบการณ์และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบก่อนทำหัตถการได้เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคนไข้



275 views0 comments

Comments


bottom of page